Pages

Wednesday, June 3, 2020

คอลัมน์การเมือง - รูปโฉมไทยหลังโรคโควิด-19 - หนังสือพิมพ์แนวหน้า

ikanghus.blogspot.com

โรคระบาดโควิด-19 กำลังระบาดทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ ได้นำเอาอภิมหาความปั่นป่วนมาสู่วิถีชีวิตและการงานของคนทั้งโลก ซึ่งถือเป็นบทเรียน และประสบการณ์ใหม่ของมนุษยชาติ

ประชาคมโลกได้ตระหนักแล้วว่า ชีวิตและการงานกิจธุระจากนี้ต่อไป จะไม่มีวันเหมือนเดิม ฉะนั้น ถึงเวลาที่จะต้องปรับตัว ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต และกิจธุระต่างๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นกันมาก่อน


ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าสิ่งที่สำคัญคู่ขนานไปกับภารกิจการปราบโรคระบาดโควิด-19 ก็คือ การประคับประคองเศรษฐกิจสังคมเฉพาะหน้าให้อยู่รอดไปได้ และต้องคิดเผื่อถึงอนาคต (อย่างน้อยก็ในระยะปานกลาง)

วงการต่างๆ ในแต่ละประเทศ และในแวดวงองค์การระหว่างประเทศ ต่างก็เริ่มคิดและปรับวางแผนกันแล้ว ประเทศไทยเราเองจะอยู่เฉยคงไม่ได้ ทุกหมู่เหล่า
จะต้องเข้ามาร่วมคิดการต่างๆ จะต้องมีการเสวนา และร่วมมือวางนโยบายและแผน รวมทั้งมาตรการกันอย่างเร่งด่วนด้วย โดยภาครัฐบาลควรได้ทำตนเป็นแกนนำ และเป็นผู้เปิดเวทีหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกันในเรื่องเหล่านี้

ประเด็น หรือคำถามคือ ประเทศไทยจะต้องปรับตัวอย่างไร และรูปโฉม รูปร่างหน้าตาของประเทศไทยควรจะเป็นอย่างไรกัน?

แต่ก่อนที่จะคิดกันว่า รูปโฉมเราในอนาคตจะเป็นอย่างไร ก็ควรถามกันก่อนว่าผลกระทบจะเป็นอย่างไร และประเทศไทยมีจุดอ่อน จุดแข็งอะไรบ้าง

เมื่อใดที่รู้ว่าตัวเราเป็นอย่างไรแล้ว ก็จะได้คิดกันต่อได้ถูกทางว่า แล้วไทยเราจะต้องทำอะไรต่อไปเพื่อความอยู่รอด และกำหนดทิศทางเพื่อความเจริญก้าวหน้าต่อไป

ความเป็นจริงก็คือ เศรษฐกิจไทยต้องพึ่งพาตลาดโลกทั้งการลงทุน เทคโนโลยี และองค์ความรู้ต่างๆ การค้าขาย และการท่องเที่ยว รวมทั้งธุรกิจการขนส่งต่างๆ แต่การพึ่งพาโลกต่อไปจะยากลำบากยิ่งขึ้น เพราะต่างต้องช่วยตัวเองเป็นสำคัญก่อน ก็จะข้องแวะซึ่งกันและกันน้อยลง

ฉะนั้น การพึ่งตัวเองให้มากที่สุด รวมทั้งการพึ่งพาซึ่งกันและกันในกรอบของประชาคมอาเซียนจึงน่าจะเป็นนโยบายหลัก และหลักปฏิบัติที่สำคัญระดับแรกๆ

แต่จะพึ่งพาตนเองได้ก็ต้องตระหนักรู้ว่าไทยเรามีทุนทรัพย์ (Assets) อะไรบ้าง

อาทิ ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติแวดล้อม การปลอดภัยจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ขีดความสามารถสติปัญญาของคนไทย ความอุดมสมบูรณ์ทางด้านพืชพันธุ์ รวมทั้งแสงอาทิตย์ ความคิดและจิตใจที่เปิดกว้างเป็นกันเองของคนไทย เป็นต้น

ในขณะเดียวกัน ไทยเราก็มีจุดอ่อนคือ คอยเป็นแต่มือปืนรับจ้างในการผลิตสินค้าให้ชาวบ้าน ชอบซื้อเทคโนโลยีคนอื่นมาใช้งานโดยไม่คิดวิจัยกันเอง และชอบซื้อหรือเช่าวิธีการบริหารจัดการและวัตถุดิบมาประกอบการธุรกิจ (Franchise) นอกจากนั้น เรายังอ่อนด้อยในเรื่องการค้นคว้าวิจัยและพัฒนา คือการไม่ใช้สมองสติปัญญาของตนเองให้เต็มที่เต็มความสามารถ เป็นต้น

ในภาพรวมไทยเราได้วางตัวเองให้เป็นคลังอาหารโลก เป็นสถานพยาบาลโลก เป็นแหล่งท่องเที่ยวโลก เป็นช่างประกอบผลิตภัณฑ์ฝีมือดี แต่ไทยมักพึ่งเงินทุนและเทคโนโลยีของต่างประเทศ

แต่มาบัดนี้ประชาคมโลกจะจับจ่ายใช้สอยน้อยลงเดินทางท่องเที่ยวน้อยลง จะลงทุนในประเทศ หรือในภูมิภาคของตนเองมากขึ้น ฉะนั้น ไทยเราก็ต้องเพิ่มตลาดภายใน ตลาดชายแดน และตลาดประชาคมอาเซียนแทนมากขึ้น และในการนี้ไทยต้องปรับตัวเอง เช่น

- ปรับการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพไปกับการรักษา ทำนุบำรุงธรรมชาติแวดล้อม คือมุ่งคุณภาพ (Quality) ของนักท่องเที่ยวมากกว่าจำนวนปริมาณ (Quantity)

- พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอาหาร อาหารเสริม ไปจนถึงยารักษาโรคภัยต่างๆ ด้วยการค้นคว้าวิจัย และพัฒนา

- เร่งขยายพัฒนาบุคลากรทางด้านการแพทย์ ด้านอาหาร ด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ด้านพลังงานหมุนเวียนและทดแทน โดยเฉพาะการใช้แสงอาทิตย์และพืชเป็นหลัก

- การปรับปรุงการศึกษา โดยการให้ความสำคัญยิ่งต่อคุณภาพของครูบาอาจารย์ เพื่ออำนวยให้เด็ก คนหนุ่มคนสาว รู้ทันโลก มีทักษะ และคิดเป็น ไตร่ตรองเป็น

- การผลิตแรงงานท้องถิ่นต้องสอดคล้องกับอุตสาหกรรมและธุรกิจบริการดังกล่าว เป้าหมาย

- ระบบราชการต้องมีไว้เพื่อบริการประชาชน และเป็นผู้รักษากฎเกณฑ์กติการกลางเพื่อความเที่ยงธรรม

- การรณรงค์ให้ประชาชนพลเมืองมีความรับผิดชอบต่อสังคม มีจริยธรรม มีจรรยาบรรณ ไม่โอนอ่อน หรือตกเป็นทาสของระบบอุปถัมภ์ ระบบฮั้ว ระบบดุลยพินิจ หรือนัยหนึ่งให้มีความซื่อสัตย์สุจริต และไม่ทำลายสังคม

- ความสะอาดของร่างกาย สถานที่ทำการ สถานที่สาธารณะต่างๆ ก็ต้องให้เป็นเรื่องจำเป็น และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตธรรมดาๆ ประจำวันของทุกคน

- ระบบการประชุมจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ ต้องเปิดเผยให้เข้าถึง ตรวจสอบ ทักท้วง ท้วงติง และเสนอทางเลือกที่ดีกว่าได้

- รับฟังข้อคิดเห็นและคำแนะนำและเรียนรู้ โดยเฉพาะที่เรียกว่าการบริหารจัดการที่ดี (Best Practices) ขององค์การระหว่างประเทศ และจากมิตรประเทศต่างๆ เป็นต้น

ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่เสนอมา ก็หวังว่าจะได้เป็นข้อเสวนาของสาธารณชนและวงการต่างๆ โดยหวังว่าผู้นำประเทศจะไม่เอาแต่คิดเองเออเองกันแต่ในกลุ่มคนไม่กี่คน ขอให้โปรดตระหนักว่า ประเทศชาตินั้นเป็นของทุกคน ดังนั้นทุกคนจึงมีสิทธิ์ และมีหน้าที่ที่จะมีส่วนร่วมในการปรับตัวของสังคมไทย

เราต้องไม่เพียงแค่หวังว่าเอาแค่รอดชีวิตจากโควิด-19 หากแต่ประเทศไทยนั้นต้องรอด และสามารถลุกขึ้นยืน ก้าวเดินต่อไปได้อย่างสง่างาม

กษิต ภิรมย์

kasitfb@gmail.com

Let's block ads! (Why?)



"ซึ่งกันและกัน" - Google News
June 04, 2020 at 02:00AM
https://ift.tt/3dI6xKB

คอลัมน์การเมือง - รูปโฉมไทยหลังโรคโควิด-19 - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
"ซึ่งกันและกัน" - Google News
https://ift.tt/2XRydWC

No comments:

Post a Comment