Pages

Wednesday, June 17, 2020

อินเดีย-จีนเร่งคลี่คลายพิพาทพรมแดน - NEW18

ikanghus.blogspot.com


นายสุพรหมณยัม ไจชันการ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศอินเดียและนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ต่างประท้วงซึ่งกันและกัน กรณีการปะทะกันในพื้นที่พรมแดนพิพาทบริเวณเทือกเขาหิมาลัย จนทำให้มีทหารอินเดียเสียชีวิตไปอย่างน้อย 20 นาย

โดยนายไจชันการ์ กล่าวว่า จีนพยายามสร้างสิ่งปลูกสร้างขึ้นภายในดินแดนของอินเดียบริเวณ “เส้นแบ่งเขตควบคุมตามความจริง” (Line of Actual Control : LAC) ในหุบเขากาลวาน (Galwan valley) ซึ่งมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ในภูมิภาคลาดักห์ ขณะที่นายหวังอี้ กล่าวว่า ทหารอินเดียลงมือโจมตีก่อน แต่ระหว่างการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ นายไจชันการ์และหวังอี้ ต่างให้คำมั่นว่าจะไม่ทำให้สถานการณ์รุนแรงมากกว่านี้ และตกลงที่จะยุติสถานการณ์ความตึงเครียดโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยนายหวังอี้ แนะนำว่า จีนและอินเดียควรเสริมสร้างการสื่อสารและการประสานงานเกี่ยวกับการแก้ไขสถานการณ์ชายแดนอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งร่วมกันรักษาสันติภาพและความสงบสุขในพื้นที่ชายแดน

นายหวังอี้ยังได้เรียกร้องให้ฝ่ายอินเดียสอบสวนเหตุการณ์ปะทะครั้งนี้ เพราะทหารอินเดีย รุกล้ำพรมแดนจงใจยั่วยุและแม้แต่โจมตีทหารจีนด้วยความรุนแรงระหว่างเข้าไปเจรจาด้วยในช่วงเย็นวันจันทร์ จนทำให้เกิดความขัดแย้งทางกายภาพรุนแรงระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายและเกิดความสูญเสียขึ้น พฤติกรรมเสี่ยงของทหารอินเดีย ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงทวิภาคีในการแก้ปัญหาพรมแดน และละเมิดบรรทัดฐานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

Advertisement

แถลงการณ์สรุปว่า ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ควรจะใช้มาตรการที่จะทำให้เหตุการณ์บานปลายอีก ขณะเดียวกัน แถลงการณ์จากฝ่ายจีน ซึ่งอ้างคำกล่าวของนายหวัง อี้ ว่า จีนแสดงการประท้วงอย่างรุนแรงอีกครั้งต่ออินเดีย และเรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียดำเนินการสอบสวนอย่างจริงจัง และยุติการกระทำอันเป็นการยั่วยุทั้งหมด เพื่อรับประกันว่า เหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ทั้ง 2 ฝ่ายควรจะแก้ปัญหาพิพาทผ่านการเจรจา และรักษาพรมแดนให้มีความปลอดภัยและสงบสุข

นับเป็นการปะทะกันอย่างนองเลือดครั้งแรกที่บริเวณพรมแดนพิพาทในรอบอย่างน้อย 45 ปี โดยมีรายงานว่า ทหารทั้ง 2 ฝ่ายต่างเข้าตะลุมบอนกันโดยใช้ท่อนไม้และกระบองเป็นอาวุธทำร้ายกัน แต่ไม่มีการยิงปืนใส่กันแม้แต่นัดเดียว จีนไม่ได้เปิดเผยตัวเลขความสูญเสียครั้งนี้ แต่มีรายงานอย่างไม่ป็นทางการในสื่อของอินเดียว่า มีทหารจีนอย่างน้อย 40 คน เสียชีวิต และเชื่อว่ายังมีทหารอินเดียบางนายสูญหายด้วย

Advertisement

ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย กล่าวว่า การเสียชีวิตของทหารอินเดียจะไม่สูญเปล่า และว่า อินเดียควรจะภาคภูมิใจต่อทหารของเราที่เสียชีวิตจากการต่อสู้กับจีนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

ในการกล่าวปราศรัยทางโทรทัศน์ครั้งแรกในวันพุธเกี่ยวกับเหตุการณ์เผชิญหน้า ผู้นำอินเดียกล่าวว่า อินเดียต้องการสันติภาพ แต่เมื่อถูกยั่วยุ อินเดียก็สามารถตอบโต้ได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์รูปแบบใดก็ตาม

ส่วนศพของ “สุนิล กุมาร” ทหารอินเดียที่เสียชีวิตระหว่างการปะทะกับทหารจีน เดินทางกลับถึงมาตุภูมิในรัฐพิหาร ทางตะวันออกของประเทศแล้วเมื่อวันพุธ มีการจัดพิธีศพอย่างสมเกียรติที่สนามบินปัฏนา เมืองเอกของรัฐพิหาร โดยมีลูกชายของกุมาร, สุชิล โมดี รองมุขมนตรีรัฐพิหารและผู้นำในท้องถิ่น เข้าร่วมในการวางพวงหรีดบนโลงศพ และร่วมไว้อาลัย

กุมารเป็นหนึ่งใน 20 ทหารอินเดียที่เสียชีวิตระหว่างปะทะกับทหารจีนบริเวณพรมแดนเทือกเขาหิมาลัย ทางการอินเดียบอกว่าทหารถูกตีด้วยท่อนไม้ฝังตะปูและก้อนหินระหว่างการตะลุมบอนกันในหุบเขากาลวาน เนื่องจากภายใต้ข้อตกลงเดิมระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์ของเอเชีย มีข้อห้ามใช้อาวุธปืนยิงกันบริเวณพรมแดน ทำให้ในช่วงหลายปีมานี้ ทหารของ 2 ประเทศที่ลาดตระเวนอยู่ตามพรมแดนมักชกต่อยกันหลายครั้ง

Advertisement

ส่วนตำรวจในกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดีย ควบคุมตัวกลุ่มผู้ประท้วง ที่รวมตัวกันนอกสถานทูตจีน หลังการเสียชีวิตของทหารอินเดีอย่างน้อย 20 นาย จากการปะทะกับทหารจีนพรมแดนพิพาทเทือกเขาหิมาลัย โดยมีทหารผ่านศึกหลายสิบนายเข้าร่วมประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลอินเดีย “ตอบโต้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน” และประชาชนในเมืองเบกาลูรู ก็ร่วมไว้อาลัยต่อทหารที่เสียชีวิต และถือแผ่นป้ายเรียกร้อง “ความยุติธรรมให้ทหาร” และประกาศว่า “พวกเรารักสันติภาพ ขณะเดียวกันพวกเราก็เป็นนักรบด้วย”

ราจนาถ ซิงห์ รัฐมนตรีกลาโหม ก็เข้าร่วมในพิธีไว้อาลัยทหารผ่านการทวิตข้อความทางทวิตเตอร์ด้วย


Advertisement


Let's block ads! (Why?)



"ซึ่งกันและกัน" - Google News
June 18, 2020 at 07:56AM
https://ift.tt/3fwwRaX

อินเดีย-จีนเร่งคลี่คลายพิพาทพรมแดน - NEW18
"ซึ่งกันและกัน" - Google News
https://ift.tt/2XRydWC

No comments:

Post a Comment