วันนี้ใครๆ ก็บอกว่าต้องปรับเปลี่ยนการทำงานให้สามารถรับมือความย่ำแย่ที่ดาหน้ากันเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
คนที่เคยสบายอยู่กับดีมานด์ที่เกินกว่าซัพพลายมากมายมานานปี ลูกค้าดูเหมือนเป็นหมู ที่อยู่ๆ ก็วิ่งมาชนบังตอเลย เชื่อไปเองว่าดีมานด์ที่มากเกินจริงนั้น เป็นเรื่องปกติทั้งๆ ที่เป็นเรื่องผิดปกติ คุ้นเคยกับการทำอย่างไรก็ได้เงินมายาวนาน พอวันหนึ่งทุกอย่างกลับเข้ามาสู่ความเป็นจริงมากขึ้น ดีมานด์ลดลงสู่ระดับที่ควรจะเป็นเลยทำให้คนที่คุ้นเคยกับเรื่องที่ผิดปกติ เข้าใจไปว่าที่ดีมานด์ลดลงนั้นเป็นเรื่องไม่ปกติ
ทำมาค้าขายแบบผิดปกติมานานวัน เลยทำใจให้เชื่อไม่ได้ว่าเป็นเรื่องที่เป็นปกติแล้วเฝ้ารออย่างลมๆ แล้งๆ ว่าดีมานด์เกินจริงนั้นจะกลับมาใหม่ ซึ่งรอวันรอคืน ทำมาหากินง่ายๆ แบบวันวานไม่มีวันจะกลับมาอีกแน่ๆ
ถ้ายอมรับได้แล้วว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเป็นความเป็นปกติ ที่ผ่านมาเป็นเพียงโอกาสชั่วครั้งชั่วคราวที่มาแล้วก็ไป ก็ลงมือปรับเปลี่ยนวิธีทำการงานกันได้แล้ว ซึ่งเราทราบกันมานานแล้วว่าในบรรดาการงานทั้งหลายที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเล็กหรือองค์กรใหญ่สามารถแบ่งได้เป็น 3 ระดับ คือ ระดับคนปฏิบัติการ ระดับคนจัดการ และระดับคนบริหาร
ทั้ง 3 ระดับมีเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกัน แต่สนับสนุนซึ่งกันและกัน คนในระดับปฏิบัติการทำให้การงานประจำเดินหน้าไปได้ ทำให้เกิดผลผลิตเกิดเอาท์พุทในรูปแบบต่างๆ ถ้าไม่มีคนระดับปฏิบัติการ และยังไม่มีหุ่นยนต์มาทำแทน เอาท์พุทก็ไม่มี ดังนั้น ถ้าจะปรับเปลี่ยนการงานในระดับปฏิบัติการ ต้องถามว่าเปลี่ยนตรงไหนแล้วประสิทธิภาพในการงานนั้นมีเพิ่มมากขึ้น ปรับแล้วทำงานได้เร็วขึ้น ปรับแล้วค่าใช้จ่ายลดลง ปรับแล้วชั่วโมงทำงานลดลงโดยผลผลิตยังเท่าเดิม อย่าปรับนั่นปรับนี่ ย้ายเก้าอี้กันเป็นว่าเล่น แต่ปรับปลี่ยนแล้วได้แค่หน้าใหม่แต่ไม่ได้อะไรที่แสดงให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เปลี่ยนอะไรแล้วประสิทธิภาพไม่ขึ้นอย่าเสียเวลา เสียเงิน เสียทองไปปรับเปลี่ยนอย่างเด็ดขาด วันใดนึกถึงการปรับเปลี่ยนในระดับปฏิบัติการ วันนั้นให้นึกถึงประสิทธิภาพเป็นอันดับแรก
ในขณะที่คนในระดับปฏิบัติการดูแลผลผลิต คนในระดับจัดการ ดูแลให้เกิดผลลัพธ์เกิดเอาท์คัม ผลลัพธ์จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องเริ่มจากมีการวางแผน ถ้าไม่มีแผนก็ทำอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อยๆ เพลิดเพลินไปกับการสร้างผลผลิต เพลินไปกับการขนหินขึ้นรถเพราะไม่มีการวางแผนว่าจะให้ขนหินหรือขนทองก่อนที่จะลงมือปฏิบัติการ ในทำนองขยันสร้างผลผลิตสร้างเอาท์พุท โดยปราศจากผลลัพธ์ ได้งบประมาณมาก็ทำแค่ได้ทำได้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงการได้ผล ไม่ใส่ใจผลลัพธ์ ไม่ใส่ใจเอาท์คัม
เมื่อมีแผนแล้วคนจัดการก็จัดทัพ จัดทีมก่อนกำกับและควบคุมให้ทีมให้ทัพนั้น เดินไปอย่างถูกทิศถูกทาง ดังนั้น ถ้าคิดจะปรับปรุงงานในระดับการจัดการ คำว่าประสิทธิผลจะเป็นคำแรกที่ควรคำนึงถึงคนจัดการ ทำให้จัดทัพจัดทีมให้คนปฏิบัติการทำงานอย่างได้ผลมากขึ้น คือ ปฏิบัติไปตามแผนที่วางไว้อย่างครบถ้วน ปฏิบัติตามแผนแล้วได้ผลถูกอกถูกใจลูกค้า ถ้าอยากปรับเปลี่ยนการจัดการมีหนทางเดียวคือ ปรับให้มีประสิทธิผล อย่าไปเร่งประสิทธิภาพเดี่ยว จะกลายเป็นการขยันทำอะไรก็ไม่รู้ขยันอย่างไร้ประสิทธิผล ใครพบเจอและรู้ทันจะพากันสมเพชเปล่าๆ
คนในระดับบริหารไม่ต้องคอยแย่งงานคนในระดับจัดการทำ อยู่ในระดับสูงส่งก็สมควรจะเห็นทางข้างหน้าได้ชัดเจนกว่าคนอื่นๆ ผู้บริหารจึงมีหน้าที่กำหนดเส้นชัยที่ต้องการให้องค์กรเดินหน้าไปทางนั้น พอป่าวประกาศเส้นชัยแล้วก็ต้องชี้หนทางไปสู่เส้นชัยนั้นหรือที่รู้จักกันทั่วไปว่ากลยุทธ์ ดังนั้นถ้าอยากจะเปลี่ยนอะไรในระดับสูงให้นึกถึงวิสัยทัศน์และกลยุทธ์เอาไว้ก่อน ผู้บริหารเก่งไม่เก่งให้ดูภาพเสันชัยใหม่ที่ผู้บริหารคนนั้นบอกก็รู้ได้แล้ว
คนอยู่สูงเปลี่ยนแปลงโดยมองหาเส้นชัยใหม่และเส้นทางใหม่ที่องค์กรได้เปรียบคู่แข่ง คนจัดการทำให้การปฏิบัติงานตามเส้นทางที่เลือกไว้เป็นไปอย่างได้ผลมากขึ้น คือเกิดประสิทธิผลมากขึ้นคนปฏิบัติการก็ช่วยกันให้การงานทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปรับให้ถูกคนถูกเรื่องปรับแล้วจะได้มีอะไรดีขึ้นบ้าง
"ซึ่งกันและกัน" - Google News
July 27, 2020 at 04:28AM
https://ift.tt/2X0hYXv
แล้วไม่ให้แย่ลง | ดร.บวร ปภัสราทร - กรุงเทพธุรกิจ
"ซึ่งกันและกัน" - Google News
https://ift.tt/2XRydWC
No comments:
Post a Comment