คดี บอส วรยุทธ อยู่วิทยา คดีบ่อนกลางกรุงย่านพระราม 3 การจับกุมผู้ชุมนุม ปลดแอก ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยเวลานี้ เป็นข่าวดังไปทั่วโลก การวิพากษ์วิจารณ์ถึง กระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยค่อนข้างจะมีข้อจำกัด โดยเฉพาะข้อหาละเมิดอำนาจศาล ทางหนึ่งเพื่อเป็นการปกป้องระบบในกระบวนการยุติธรรม แต่อีกด้านก็มีผลในเรื่องของการตรวจสอบจากบุคคลภายนอกที่จะต้องเป็นธรรม โปร่งใสและตรวจสอบได้
ความเชื่อว่า ศาลจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน ไม่มีกฎหมายข้อไหนบังคับไว้ แต่เกิดจากความศรัทธาในระบบของศาลยุติธรรม ที่จะต้องแยกระหว่างตัวบุคคลกับองค์กร ความจริงก็คือ องค์กรทุกองค์กรมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ถ้าคนไม่ดีมีมาก องค์กรก็เสื่อมศรัทธา แต่ถ้ามีคนดีมากกว่าคนไม่ดี องค์กรก็จะเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน
ต้องรอดูว่าตอนจบของเรื่องจะเรียกศรัทธาหรือสิ้นศรัทธา
การปกครองตามระบอบประชาธิปไตย ได้แบ่งแยกอำนาจสามฝ่ายเอาไว้ชัดเจน คือ บริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ วัตถุประสงค์ก็เพื่อให้อำนาจทั้ง 3 ฝ่ายได้ถ่วงดุลอำนาจกันอย่างชัดเจนเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อกัน
ในทางปฏิบัติ กลับมีความพิสดาร อำนาจทั้ง 3 ฝ่ายมีความเกี่ยวโยงกันในลักษณะเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ไม่เป็นอิสระต่อกัน สามารถให้คุณให้โทษซึ่งกันและกัน
การใช้ช่องทางของกฎหมายให้เป็นคุณกับนักการเมือง เช่น สามีเป็น ผู้บริหารในกระบวนการยุติธรรม แต่ภรรยาถูกตั้งข้อกล่าวหาทุจริตคอร์รัปชัน บุคคลที่อยู่ในระหว่างการดำเนินคดีอาญาร้ายแรง คดีทุจริต ยังแต่งตั้งให้รับตำแหน่งทางการเมือง ข้ออ้างว่าคดียังไม่ถึงที่สุด ไม่มีที่ไหนยึดเป็นมาตรฐานนอกจากเมืองไทย ถึงจะมีหลักฐานเชิงประจักษ์ชัดเจนอย่างไร ก็ใช้เป็นข้ออ้างไปข้างๆคูๆ หรือคนที่เข้ามาเป็น ส.ส.เป็นนักการเมืองทั้งที่มีคดีฆ่าคนตาย เป็นเจ้าของบ่อน ค้าของเถื่อน ทำความผิดได้สารพัด แล้วคิดหรือว่าคนพวกนี้จะเข้ามาทำคุณงามความดีกลับตัวกลับใจ
วันหนึ่งถ้าคนที่มีชนักติดหลังเหล่านี้ ใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งฝ่ายบริหาร เพื่อช่วยเหลือตัวเอง พวกพ้อง ให้พ้นจากความผิด ใครจะรับผิดชอบ คำว่า ภาวะผู้นำ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการบริหารปกครองประเทศ
อดีตอัยการสูงสุด คณิต ณ นคร ออกมาชี้ว่า คดีบอส อยู่วิทยา ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว คือมีการส่งฟ้องไปแล้ว เพราะฉะนั้น การที่รองอัยการมาสั่งไม่ฟ้อง จึงไม่มีผลต่อการดำเนินคดีในกระบวนการยุติธรรมและตัวผู้มีความเห็นไม่ฟ้องจะต้องมีความผิดด้วย
แต่กลับไม่มีใครฟัง สำนักงานอัยการก็ยังเดินหน้าตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสรุปข้อเท็จจริง ว่ากันยาวไป จนเกิดความสับสนว่า คดีนี้พลิกหรือไม่พลิก จะดำเนินการอย่างไรกันต่อไป หรือยุติแต่เพียงแค่นี้
ความเห็นของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม ออกมา แสดงความเห็นว่า ถ้าตำรวจเอาจริงเอาจังกับบ่อนเถื่อนที่มีอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง เหมือนกับเอาจริงเอาจังกับนักศึกษาที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยอยู่ตอนนี้
ประเทศไทยคงเจริญไปแล้ว (มีแต่คนกดไลค์)
อ่านเพิ่มเติม...
"ซึ่งกันและกัน" - Google News
August 11, 2020 at 05:01AM
https://ift.tt/3gMl616
ที่นี้ที่เดียว (Thailand only) - ไทยรัฐ
"ซึ่งกันและกัน" - Google News
https://ift.tt/2XRydWC
No comments:
Post a Comment